วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 เวลา 10.30 น. รองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ครั้งที่ 3/2565 ผ่านระบบ Video Conference โดยมี นางนภา เศรษฐกร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
ซึ่งในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.) ได้ผ่านร่างกฏหมายครบตามเป้าหมายรวม 37 ฉบับ มีผลบังคับใช้แล้ว 29 ฉบับ มากไปกว่านั้น ได้ขับเคลื่อนการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม จาก 129 กิจการในปี 2562 เป็น 214 กิจการ ณ ปัจจุบัน แม้ต้องเผชิญสถานการณ์โควิด19 ในช่วงสองปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2566 นายจุรินทร์ ตั้งเป้าให้เพิ่มจำนวนกิจการอย่างน้อย 20 % หรือเพิ่มเป็น 256 กิจการ
โดยเป้าหมายของรัฐบาลคือการส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งวิสาหกิจเพื่อสังคมเป็นกลไกสำคัญที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริมให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน นำกำไรที่ได้ไปแบ่งปันให้กับสังคมต่อไป ในปี 2566 นี้ สวส.ได้กำหนดนโยบายในการดำเนินการ ซึ่งสอดรับกับความเห็นของสมัชชาวิสาหกิจเพื่อสังคมดังนี้ 1) การพัฒนาศูนย์บ่มเพราะวิสาหกิจเพื่อสังคมเพื่อพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจเพื่อสังคม 2) การพัฒนาข้อมูลแหล่งเงินทุนและทรัพยากรแก่วิสาหกิจเพื่อสังคม 3) การพัฒนากลไกการบริหารวิสาหกิจเพื่อสังคม 4) การส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การตระหนักรู้เรื่องวิสาหกิจเพื่อสังคมให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง 5) การสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการทำธุรกิจของวิชากิจเพื่อสังคม และ 6)การพัฒนาเครื่องมือวัดผลลัพธ์ของวิชาการเพื่อสังคมในบริบทประเทศไทย
แผนการดำเนินการต่อไป อาทิ
1) โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการบ่มเพาะผู้ประกอบการเพื่อสังคมในระดับภูมิภาค มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในระดับภูมิภาค
2) จัดกิจกรรมเพื่อผลักดันให้วิสาหกิจเพื่อสังคมใช้เครื่องมือประเมินผลลัพธ์ทางสังคมไม่น้อยกว่าร้อยละ 20
3)โครงการ Financial clinicให้คำปรึกษาวิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อเพิ่มโอกาสการเตรียมความพร้อมและเข้าถึงแหล่งทุนโดยความร่วมมือกับ
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
4) สร้างการรับรู้ ให้ความรู้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมในการเข้าถึงแหล่งทุนต่างๆ
5) ร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิประโยชน์ของวิสาหกิจเพื่อสังคม เช่น กรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้กับวิสาหกิจเพื่อสังคมต่อไป